fbpx

นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy)
สำหรับผู้สมัครงานและ/หรือพนักงาน บริษัท พระนครฮอนด้าออโตโมบิล จำกัด

 

บริษัท พระนครฮอนด้าออโตโมบิล จำกัด (“บริษัท”) ตระหนักถึงความสำคัญในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ของผู้สมัครงานและ/หรือพนักงานของบริษัทให้เป็นไปตามกฏหมาย ดังนั้นบริษัทจึงได้จัดทำนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลขึ้น โดยนโยบายนี้ได้อธิบายถึงวิธีการที่บริษัทปฏิบัติต่อข้อมูลส่วนบุคคล เช่น การเก็บรวบรวม  การจัดเก็บรักษา  การใช้  การเปิดเผย  รวมถึงสิทธิต่างๆ ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เป็นต้น เพื่อให้เจ้าของข้อมูลได้รับทราบถึงนโยบายในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท บริษัทจึงประกาศนโยบาย ดังต่อไปนี้

  1. คำนิยาม

1.1 “ บริษัท ”หมายถึง บริษัท พระนครฮอนด้าออโตโมบิล จำกัด
1.2 “ เจ้าของข้อมูล ” หมายถึง  พนักงาน  ลูกจ้าง หรือผู้สมัครงานของบริษัท ซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
1.3 “ ข้อมูลส่วนบุคคล ” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ ตามความหมายที่นิยามในกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
1.4 ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว ” หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์  ศาสนา  พฤติกรรมทางเพศ  ประวัติอาชญากรรม  ข้อมูลสุขภาพ  ความพิการ  ลายนิ้วมือ  ข้อมูลชีวภาพ  เป็นต้น

  1. ข้อมูลส่วนบุคคลใดบ้างที่บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย

2.1  ข้อมูลส่วนบุคคล ได้แก่ ข้อมูลส่วนบุคคลที่เจ้าของข้อมูลให้ไว้แก่บริษัทโดยตรง  ทั้งการเก็บข้อมูลจากใบสมัครงาน  การสัมภาษณ์  หรือการจ้างงาน  รวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับหรือเข้าถึงได้จากแหล่งอื่น ซึ่งมิใช่จากเจ้าของข้อมูลโดยตรง  เช่น หน่วยงานของรัฐ  สถาบันการเงิน  บริษัทในเครือ  เป็นต้น

ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลที่บริษัทเก็บรวบรวม  ใช้ และ/หรือเปิดเผย  เช่น

  • ข้อมูลส่วนตัว เช่น  ชื่อ  นามสกุล  ชื่อเล่น  เพศ  อายุ วันที่และสถานที่เกิด หมู่โลหิต ส่วนสูง น้ำหนัก ประวัติการศึกษา  ประวัติการฝึกอบรม  ใบรับรองวุฒิการศึกษา    ประวัติคุณสมบัติและประสบการณ์ทำงานโดยย่อ   ความสามารถทางภาษา   ทักษะด้านคอมพิวเตอร์   ทักษะอื่นๆ   งานอดิเรก    ประวัติการว่าจ้าง   เลขบัตรประจำตัวประชาชน  เลขที่หนังสือเดินทาง    เลขที่ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์  สถานภาพทางการสมรส  สถานภาพการเกณฑ์ทหาร  เลขที่บัญชีธนาคารข้อมูลสำหรับการติดต่อ เช่น ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน ที่อยู่ปัจจุบัน หมายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่อีเมล ไลน์ไอดี รวมถึงข้อมูลในโซเชียลมีเดียต่างๆ
  • ข้อมูลเกี่ยวกับการจ้างงาน เช่น  ตำแหน่งงาน  สังกัดต่างๆ ในองค์กร  ค่าจ้าง  ผลตอบแทนอื่น  การใช้สวัสดิการ  การลงเวลาทำงาน  การลางาน  การแต่งตั้ง การโยกย้าย  การเปลี่ยนตำแหน่ง การประเมินผลทดลองงาน  การประเมินผลการปฏิบัติงาน  เหตุผลในการบอกเลิกสัญญาว่าจ้างและ/หรือลาออก
  • ข้อมูลบุคคลที่สาม เช่น ข้อมูลสมาชิกในครอบครัว ข้อมูลผู้รับผลประโยชน์จากสวัสดิการต่างๆ  ข้อมูลผู้ติดต่อฉุกเฉิน  และบุคคลที่ท่านอ้างอิง

2.2  ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว คือ ข้อมูลส่วนบุคคลที่กฏหมายกำหนดเป็นการเฉพาะ เช่น   เชื้อชาติ  ศาสนา  ประวัติอาชญากรรม  ข้อมูลสุขภาพ  ความพิการ  ข้อมูลพันธุกรรม  ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดในทำนองเดียวกันที่กฏหมายกำหนด ซึ่งบริษัทต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยบริษัทจะเก็บรวบรวม  ใช้  และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลทีมีความอ่อนไหว ต่อเมื่อบริษัทได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากเจ้าของข้อมูล หรือในกรณีที่บริษัทมีความจำเป็นตามกรณีที่กฏหมายอนุญาต

  1. เหตุใดบริษัท จึงเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล

บริษัทอาจเก็บรวบรวม  ใช้ และ/หรือเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล เพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้

3.1 วัตถุประสงค์ที่บริษัทจำเป็นต้องได้รับความยินยอม

บริษัทอาศัยความยินยอมของเจ้าของข้อมูลในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นข้อมูลอ่อนไหว เพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้

( 1 )  ข้อมูลชีวภาพ เช่น ลายพิมพ์นิ้วมือ  ภาพสแกนใบหน้า  เพื่อการเข้าไปในอาคาร หรือเพื่อการเชื่อมต่อกับระบบงานต่างๆของบริษัท
( 2 )  ข้อมูลศาสนาตามที่ปรากฏรวมอยู่ในสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน เพื่อยืนยันและพิสูจน์ตัวบุคคล
( 3 )  ประวัติอาชญากรรมและข้อมูลสุขภาพ เพื่อการพิจารณาใบสมัครงานและตัดสินใจจ้างงาน การคัดกรองประวัติ และการติดตามตรวจสอบ

3.2 วัตถุประสงค์ที่บริษัทอาจดำเนินการโดยอาศัยหลักเกณฑ์หรือฐานทางกฏหมายอื่นๆ ในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล  ซึ่งได้แก่

( 1 )  เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญา สำหรับการเข้าทำสัญญาจ้างงาน หรือการปฏิบัติตามสัญญาจ้างงานกับเจ้าของข้อมูล
( 2 ) เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฏหมาย
( 3 )  เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฏหมายของบริษัทหรือของบุคคลภายนอก เพื่อให้สมดุลกับประโยชน์และสิทธิ  เสรีภาพขั้นพื้นฐานที่เกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล
( 4 )  เพื่อการป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล และ/หรือ
( 5 )  ประโยชน์สาธารณะ สำหรับการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐ บริษัทจะอาศัยหลักเกณฑ์หรือฐานทางกฏหมายข้างต้น เพื่อเก็บรวบรวม  ใช้  และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล เพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้

กรณีผู้สมัครงาน

หากเจ้าของข้อมูล คือ ผู้สมัครงาน  บริษัทจะอาศัยหลักเกณฑ์หรือฐานทางกฏหมายในข้อ 3.2 (1) ถึง (5) ข้างต้น  เพื่อการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล เพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้

  • พิจารณาเกี่ยวกับการรับสมัครงานและประสานงานในการคัดเลือกเข้าทำงาน
  • การยืนยันตัวตนและการติดต่อ
  • การประเมินและให้คะแนนผู้สมัคร เพื่อตัดสินใจว่าจ้าง
  • กำหนดเงินเดือนหรือค่าตอบแทน และอื่นๆ
  • การคัดกรองประวัติ และตรวจสอบบุคคลอ้างอิง ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลได้รับข้อเสนอให้ทำงานกับบริษัท
  • การติดต่อสื่อสารกับเจ้าของข้อมูล และ/หรือผู้ที่เจ้าของข้อมูลกำหนดให้บริษัทติดต่อในกรณีฉุกเฉิน
  • วัตถุประสงค์อื่นๆ ที่บริษัทต้องการอย่างสมเหตุสมผล ตามที่ระบุไว้ในใบสมัครงานหรือเอกสารที่เกี่ยวข้องใดๆ

กรณีพนักงานของบริษัท

หากเจ้าของข้อมูลคือพนักงานของบริษัท  บริษัทจะอาศัยหลักเกณฑ์หรือฐานทางกฏหมายข้อ 3.2 (1) ถึง (5) ข้างต้น เพื่อการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล เพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้

  • การสรรหาบุคลากร เช่น การตัดสินใจจ้างหรือเปลี่ยนแปลงประเภทของสัญญาจ้างงาน
  • การบริหารจัดการภายในองค์กร เช่น  การจัดโครงสร้างอัตรากำลัง  การโอนย้าย   การเปลี่ยนหน้าที่งาน  การปรับระดับพนักงาน  การเกษียณอายุ เป็นต้น
  • การจัดให้มีการฝึกอบรม และพัฒนาบุคลากร เช่น  การปฐมนิเทศ   การจัดอบรมหลักสูตรทั้งภายในและภายนอก   การทำทะเบียนการอบรม       การยื่นรับรองหลักสูตรและค่าใช้จ่ายการฝึกอบรมจากหน่วยงานราชการ  เป็นต้น
  • การจ่ายเงินเดือน  ค่าตอบแทน   และการให้ผลประโยชน์ต่างๆ  เช่น  ค่าจ้าง  อัตราการขึ้นเงินเดือน  โบนัส การหักลดภาษี กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ประกันสังคม การจัดให้มีสวัสดิการและสิทธิประโยชน์อื่นของพนักงาน
  • การบริหารจัดการการลาให้สอดคล้องกับข้อบังคับการทำงานของบริษัท
  • การติดต่อสื่อสาร รวมถึงการให้การอ้างอิงและคำแนะนำ
  • วัตถุประสงค์ทางด้านสถิติและการวิเคราะห์ เพื่อการพัฒนาบุคลากรและปรับปรุงกระบวนการทำงาน
  • การปฏิบัติตามภาระหน้าที่ทางกฏหมาย เช่น   ข้อกำหนดเกี่ยวกับแรงงาน     สุขอนามัย  และความปลอดภัย หรือตามที่หน่วยงานของรัฐร้องขอ
  • การจัดเก็บประวัติการดำเนินการทางวินัยต่อพนักงาน    เพื่อการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ หรือการกำหนดมาตรการทางวินัยเมื่อจำเป็น
  • การดำเนินการตรวจสอบภายในเพื่อติดตามเรื่องร้องเรียนหรือการเรียกร้อง  ติดตามพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของพนักงานและป้องกันการฉ้อโกง
  • การติดต่อในกรณีฉุกเฉินไปยังบุคคลที่เจ้าของข้อมูลกำหนด
  • การป้องกันกิจกรรมของพนักงานซึ่งไม่ชอบด้วยกฏหมาย หรือการละเลยหน้าที่
  • การคุ้มครองความลับของข้อมูลและสินทรัพย์ของบริษัท
  • วัตถุประสงค์อื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการจ้างงานของเจ้าของข้อมูล เช่น      การดำเนินกิจกรรมหรือการดำเนินงาน เพื่อหรือในนามบริษัท   หรือตามที่ระบุไว้ในสัญญาจ้างงานของเจ้าของข้อมูล   ข้อบังคับการทำงานหรือเอกสารใดๆที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรบุคคล

4. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล ตามวัตถุประสงค์ที่บริษัทได้แจ้งแก่เจ้าของข้อมูลเท่านั้น โดยบริษัทจะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลในกรณีดังต่อไปนี้

4.1 บริษัทได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล
4.2 เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาหรือตามคำขอของเจ้าของข้อมูล รวมทั้งเปิดเผยเพื่อให้การทำธุรกรรมหรือกิจกรรมใดๆของเจ้าของข้อมูลสามารถดำเนินการได้ โดยบรรลุวัตถุประสงค์ของเจ้าของข้อมูล
4.3 เป็นการจำเป็นในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลให้แก่บริษัทในเครือ โดยการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บุคคลดังกล่าว บริษัทจะดำเนินการให้บุคคลเหล่านั้นเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลไว้เป็นความลับและไม่นำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นนอกเหนือจากขอบเขตที่บริษัทกำหนดไว้
4.4 เป็นการปฏิบัติตามกฏหมายหรือกฏเกณฑ์ทางการหรือคำสั่งของหน่วยงานที่มีอำนาจกำกับดูแล หรือหน่วยงานทางการที่มีอำนาจตามกฏหมาย  เช่น  กระทรวงแรงงาน  สำนักงานประกันสังคม  กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน  กรมบังคับคดี  กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา  ศาล   หรือหน่วยงานราชการอื่นใด ตามที่กฏหมายกำหนด  เป็นต้น
4.5 เปิดเผยให้แก่บุคคลหรือนิติบุคคล หรือองค์กรอื่นใด เช่น  ธนาคารและสถาบันการเงิน ผู้ให้บริการในการจัดทำบัญชีเงินเดือน ผู้ให้บริการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ผู้ให้บริการงานด้านทรัพยากรบุคคลที่เป็นบุคคลภายนอก     ผู้ให้บริการระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและบริษัทที่ให้บริการสนับสนุนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ  บริษัทประกันภัย   โรงพยาบาล   ผู้ให้บริการด้านการฝึกอบรม/ให้ความรู้  เป็นต้น  ซึ่งในการให้บริการดังกล่าว ผู้ให้บริการอาจสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลได้ อย่างไรก็ตาม บริษัทจะให้ข้อมูลแก่ผู้ให้บริการเฉพาะข้อมูลที่จำเป็นสำหรับผู้ให้บริการในการให้บริการเท่านั้น  และบริษัทได้ขอบุคคลดังกล่าวไม่ให้จัดเก็บ  ใช้  เปิดเผย  หรือโอน(ในประเทศหรือระหว่างประเทศ) ซึ่งข้อมูลของเจ้าของข้อมูลเพื่อวัตถุประสงค์อื่น บริษัทจะกำกับดูแลให้ผู้ให้บริการที่บริษัททำงานด้วยเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลไว้อย่างปลอดภัยตามที่กฎหมายกำหนดไว้

5. ระยะเวลาในการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลไว้ในระยะเวลาเท่าที่จำเป็น เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ในนโยบายฉบับนี้  ซึ่งอาจจำเป็นต้องเก็บรักษาไว้ต่อไปภายหลังจากนั้น หากมีกฏหมายกำหนดหรืออนุญาตไว้  เช่น

5.1 ผู้สมัครงาน  บริษัทจะจัดเก็บข้อมูลการสมัครงาน เพื่อพิจารณาการรับเข้าทำงานของเจ้าของข้อมูล ภายใน 30 วัน นับแต่บริษัทได้รับข้อมูลดังกล่าว
5.2 พนักงาน บริษัทจัดเก็บไว้ตามกฏหมายคุ้มครองแรงงาน เพื่อวัตถุประสงค์ในการพิสูจน์ตรวจสอบ  กรณีอาจเกิดข้อพิพาทภายในอายุความตามที่กฏหมายกำหนดเป็นระยะเวลาไม่เกิน 10 ปี
ทั้งนี้เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว บริษัทจะดำเนินการลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลได้

6. การรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล บริษัทจึงกำหนดให้มีมาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเหมาะสม  เพื่อป้องกันการสูญหาย  การเข้าถึง  ทำลาย  ใช้  เปลี่ยนแปลง  แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล   โดยไม่มีสิทธิหรือโดยไม่ชอบด้วยกฏหมาย เพื่อให้เป็นไปตามที่กำหนดในนโยบาย  และ/หรือแนวปฏิบัติในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของบริษัท

7. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
ภายใต้บทบัญญัติแห่งกฏหมายและข้อยกเว้นตามกฏหมายที่เกี่ยวข้อง    เจ้าของข้อมูลมีสิทธิตามที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้

7.1 สิทธิขอเข้าถึงข้อมูล เจ้าของข้อมูลมีสิทธิขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล  หรือขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท  ทั้งนี้  เพื่อความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูล บริษัทอาจขอให้เจ้าของข้อมูลพิสูจน์ตัวตนก่อนจะให้ข้อมูลตามที่ขอ
7.2 สิทธิขอให้แก้ไขข้อมูล ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลเห็นว่าข้อมูลส่วนบุคคลใดที่เกี่ยวกับตนเองไม่ถูกต้อง  ไม่เป็นปัจจุบัน  ไม่สมบูรณ์  หรืออาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิด   เจ้าของข้อมูลสามารถขอให้บริษัทดำเนินการแก้ไข เพื่อให้ข้อมูลถูกต้อง เป็นปัจจุบัน  สมบูรณ์และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดได้
7.3 สิทธิขอถ่ายโอนข้อมูล เจ้าของข้อมูลมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทมีเกี่ยวกับตนในรูปแบบที่มีการจัดระเบียบแล้วและสามารถอ่านได้ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์  และเพื่อส่งหรือโอนข้อมูลดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น โดยต้องเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่เจ้าของข้อมูลได้ให้กับบริษัท    และ กรณีที่บริษัทได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลในการเก็บรวบรวม  ใช้ และ/หรือเปิดเผย หรือเพื่อปฏิบัติตามสัญญาที่บริษัทมีกับเจ้าของข้อมูล
7.4 สิทธิขอคัดค้าน เจ้าของข้อมูลมีสิทธิขอคัดค้าน หากการเก็บรวบรวม   ใช้   และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลที่ทำขึ้นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฏหมายของบริษัทหรือของบุคคลอื่น     หรือ เพื่อดำเนินการตามภารกิจเพื่อสาธารณประโยชน์      หากท่านยื่นคัดค้าน  บริษัทจะยังคงดำเนินการเก็บรวบรวม  ใช้  และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไปเฉพาะที่บริษัทสามารถแสดงเหตุผลตามกฏหมายได้ว่ามีความสำคัญยิ่งกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานของท่าน      หรือเป็นไปเพื่อการยืนยันการปฏิบัติตามกฏหมาย หรือการต่อสู้ในการฟ้องร้องตามกฏหมาย ตามแต่กรณี
7.5 สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูล เจ้าของข้อมูลมีสิทธิขอให้บริษัทระงับใช้ข้อมูลส่วนบุคคลชั่วคราวในกรณีที่   บริษัทอยู่ระหว่างตรวจสอบตามคำร้องขอใช้สิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลหรือขอคัดค้าน    หรือกรณีอื่นใด ที่บริษัทหมดความจำเป็นและต้องลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลตามกฏหมายที่เกี่ยวข้อง แต่เจ้าของข้อมูลขอให้บริษัทระงับการใช้แทน
7.6 สิทธิขอถอนความยินยอม   เจ้าของข้อมูลมีสิทธิขอเพิกถอนความยินยอมที่ให้บริษัทเก็บรวบรวม  ใช้  และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของตนเมื่อใดก็ได้   เว้นแต่การเพิกถอนความยินยอมจะมีข้อจำกัดโดยกฏหมายหรือสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่เจ้าของข้อมูล  เช่น เจ้าของข้อมูลยังมีสัญญาจ้างกับบริษัท หรือยังมีภาระหนี้หรือภาระผูกพันตามกฏหมายอยู่กับบริษัท  ทั้งนี้ การเพิกถอนความยินยอมดังกล่าวอาจทำให้เจ้าของข้อมูลไม่สามารถรับบริการหรือทำธุรกรรมกับบริษัทได้ หรืออาจทำให้บริการที่จะได้รับจากบริษัทไม่มีประสิทิภาพเท่าที่ควร
7.7 สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล เจ้าของข้อมูลมีสิทธิขอลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของตน หรือทำให้เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้          หากเจ้าของข้อมูลเชื่อว่าข้อมูลส่วนบุคคลของตนถูกเก็บรวบรวม  ใช้  และ/หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฏหมายที่เกี่ยวข้อง    หรือเห็นว่าบริษัทหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้       หรือเมื่อเจ้าของข้อมูลได้ใช้สิทธิขอถอนความยินยอมหรือใช้สิทธิคัดค้านตามที่แจ้งไว้ข้างต้น

7.8 สิทธิยื่นเรื่องร้องเรียน เจ้าของข้อมูลมีสิทธิยื่นเรื่องร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่มีอำนาจในกรณีที่เชื่อว่าการเก็บรวบรวม  ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทนั้นไม่ชอบด้วยกฏหมาย           หรือไม่สอดคล้องกับกฏหมายคุ้มครองข้อมูลที่บังคับใช้

8. การทบทวนและเปลี่ยนแปลงนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทอาจทำการปรับปรุงหรือแก้ไขนโยบายฉบับนี้เป็นครั้งคราวเพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดตามกฏหมายการเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานของบริษัท  รวมถึงข้อเสนอแนะและความคิดเห็นจากหน่วยงานต่างๆ โดยบริษัทจะประกาศแจ้งการเปลี่ยนแปลงให้ทราบอย่างชัดเจน

9. ช่องทางการติดต่อบริษัท

ฝ่ายบุคคล
บริษัท พระนครฮอนด้าออโตโมบิล จำกัด
110  ถนนวิภาวดีรังสิต  แขวงลาดยาว
เขตจตุจักร  กรุงเทพมหานคร  10900
โทรศัพท์ 02-941-1888
อีเมล hr@phahonda.co.th